ชวนมาทำความรู้จักกับ ‘เสาโรมัน’ แบบต่างๆ ก่อนเลือกใช้ติดบ้านกัน!

เมื่อพูดถึงเสา หนึ่งในเสาที่หลายคนมักรู้จักและเลือกใช้ในอาคารบ้านเรือนของตัวเองมากที่สุดคงจะต้องยกให้ ‘เสาโรมัน’ เพียงแค่เห็นก็สัมผัสได้ถึงความสวยงามหรูหราดูมีระดับและแข็งแรงทนทาน แต่รู้หรือไม่เสาโรมันไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบเดียว เพราะเสาโรมันมีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายชื่อเรียก บทความนี้เลยขอชวนทุกคนที่กำลังสนใจมาทำความรู้จักกับเสาโรมันแบบต่างๆ ก่อนเลือกใช้ติดบ้านกัน

เสาโรมัน (Classical order) คืออะไร

เสาโรมัน (Classical order) คือ รูปแบบหนึ่งของเสาที่มีลักษณะคล้ายกับเสาโบราณตามสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิกรากฐานจากกรีกโบราณและโรม โดยมีการเริ่มต้นและพัฒนามาตั้งแต่ยุคสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา ด้วยความที่มีลักษณะสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เห็นแล้วทราบได้ทันทีว่า เป็นเสาโรมัน และเพิ่มความหรูหรามีสไตล์ได้เป็นอย่างดีจึงได้รับความนิยมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และมีการแบ่งรูปแบบของเสาโรมัน เพื่อการศึกษาสถาปัตยกรรมออกเป็น 5 กลุ่มด้วยกัน โดยปกติจะสังเกตง่ายๆ ได้จากสามส่วนสำคัญ คือ ขอบหน้าคานที่พาดบนหัวเสา (architrave), บัวหรือลายสลักบนเสา (frieze) และบัวค้ำยันประดับหัวเสา (cornice)

เสาโรมันจากกรีกโบราณ

1. เสาดอริก (Doric)

เสาโรมันที่หน้าตาเรียบง่ายที่สุดในยุคกรีกโบราณคงต้องยกให้ ‘เสาดอริก’ มีต้นกำเนิดมาจากแผ่นดินใหญ่ทางตะวันตกของกรีซ เรียกได้ว่า เป็นรูปแบบเสาที่มีอายุยาวนานมากที่สุด ลักษณะตามลำเสาอาจเป็นแบบเรียบหรือแบบหยักซี่ฟันประมาณ 20 ร่อง บนหัวเสาเรียบง่ายเป็นคอสี่เหลี่ยมหรือวงแหวนธรรมดา ถึงแม้ว่า จะเป็นเสาที่เรียบง่าย แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนทั่วไปนิยมใช้งานเป็นเสาบ้านหรืออาคารทั่วไปมากที่สุด (สามารถพบได้บ่อยในสถานที่สาธารณะของต่างประเทศ เช่น โรงเรียน ห้องสมุด อนุสรณ์สถานลินคอร์น ฯลฯ)

2.เสาไอโอนิค (Ionic)

เสาสูงตระหง่านที่ถูกพัฒนามาจากดอริกรุ่นก่อน มีต้นกำเนิดในช่วงกรีกฟื้นฟูประมาณศตวรรษที่ 19 เห็นได้บ่อยในสถาปัตยกรรมยุคนีโอคลาสสิก สามารถสังเกตลักษณะเสาโรมันแบบไอโอนิคได้จากขนาดที่มีความใหญ่มากขึ้น แต่ยังคงความเรียบง่าย ส่วนบนหัวเสาจะมีลักษณะขดม้วนแบบก้นหอยหรือประดับรูปไข่ ส่วนใหญ่จะไว้ติดตั้งเป็นเสาหน้าบ้าน เพราะให้ความรู้สึกสง่า ยิ่งใหญ่ และดูคลาสสิก จะเห็นได้ว่ามีการหยิบเสาแบบไอโอนิคไปใช้งานเป็นเสาหน้าอาคารสำคัญมากมาย เช่น อนุสรณ์สถานเจฟเฟอร์สัน ใน เซาท์เวสต์ และบ้านของดาราดังในยุค 19 ฯลฯ

3.เสาแบบคอรินเทียน (Corinthian)

สำหรับเสาโรมันในยุคกรีกที่มีความหรูหรามากที่สุดคงต้องยกให้ ‘เสาคอรินเทียน’ เพราะมีลวดลายสลักซับซ้อนมากกว่าเสาก่อนหน้าจากหัวบนเสาถึงด้านล่างเสา จะเห็นได้บ่อยในสถานที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา เช่น ศาล ฯลฯ สังเกตลักษณะได้จากความสวยงามของเสาจะมีความละเอียดมากกว่า ส่วนใหญ่นิยมทำลายใบอะแคนทัส ดอกไม้ และพืชพรรณธรรมชาติอื่นที่สามารถหาได้ตามเมดิเตอร์เรเนียน แต่ด้วยความที่มีความละเอียดมากเลยค่อนข้างแพงหากจะนำมาใช้ในบ้านทั่วไป เลยมีการพัฒนาต่อยอดให้ดูพอดีและราคาลดลงกว่าเมื่อก่อน จึงได้รับความนิยมในกลุ่มของคนที่ค่อนข้างมีฐานะไปจนถึงร่ำรวย

เสาโรมันในยุคโรมัน

4.เสาทัสคานี (Tuscan)

เสาโรมันแบบเรียบง่ายในช่วงกำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ที่ถูกพัฒนาในช่วงอิตาลีโบราณ สามารถพบได้ในสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ยุค 20 และ 21 ใช้งานบ่อยสุด เพราะมีความเรียบง่ายสไตล์มินิมอล ลักษณะของเสาทัสคานีจะเป็นเสากลมลม ลำเสาเนื้อเรียบ ค่อนข้างคล้ายกับเสาโรมันแบบดอริกเลยทีเดียว แต่จะมีความเรียบง่ายและดูคลีนกว่า ส่วนใหญ่มักใช้วัสดุไม้เนื้อแข็งมาทำเป็นเสา (แต่ในไทยยังมีวัสดุอื่นให้เลือกสั่งทำ) เหมาะกับบ้านทั่วไปและได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ

5.เสาคอมโพสิต (Composite)

มาถึงเสาโรมันแบบสุดท้าย ‘เสาคอมโพสิต’ แม้จะมีลักษณะที่เหมือนได้รับการพัฒนาผสมผสานระหว่างเสาโรมันแบบไอโอนิคและคอริเทียนมาผสานกับความรู้ด้านสถาปัตยกรรมจากอีทรัสกัน แต่ก็มีการเชื่อว่า เสาคอมโพสิต มาในยุคโรมันตอนปลาย ยุคนั้นเลยมีการนำวัสดุประเภทต่างๆ มาปรับใช้มากขึ้น เช่น หินอ่อน หินลาวา ดินภูเขาไฟ ฯลฯ ก่อนจะพัฒนาจนค้นพบสิ่งที่เรียกว่า ซีเมนต์ สามารถสังเกตลักษณะของเสาคอมโพสิตได้จากลวดลายจะมีความสวยงามละเอียดมาก (แม้จะละเอียดน้อยกว่าเสาคอริเทียนก็ตาม) และให้ความแข็งแรงทนทานได้มากกว่า

สรุป

ทั้งนี้ การเลือกใช้เสาโรมันไม่ได้หมายความว่า บ้านหรืออาคารของคุณจะต้องเป็นสถาปัตยกรรมหรูหรา อย่างคฤหาสน์หรืออาคารใหญ่โตเสมอไป เพียงแค่เราต้องทำความเข้าใจกับเสาโรมันแต่ละประเภทและเลือกประเภทของเสาแต่ละต้นให้เหมาะกับบ้านหรืออาคารที่จะนำเอาเสาเหล่านั้นไปใช้งาน รวมถึงเลือกวัสดุของเสาให้ตรงตามความต้องการ ก็จะทำให้บ้านของคุณสวยหรูดูดีมีระดับและแข็งแรงทนทาน ดูเข้ากับตัวบ้านได้แบบพอดี และไม่เกินงบในกระเป๋าที่มีด้วยล่ะ!

กลับสู่สารบัญ